ลงทุน 60,000 ตัดขนสุนัขรายได้เดือนละ 3 หมื่น แถมใช้หนี้เงินแสน

หากเอ่ยถึงอาชีพอาบน้ำ-ตัดขนสุนัข เชื่อว่าหลายคนหากไม่ได้เป็นผู้ที่มีความชื่นชอบหรือรักสุนัข อาจเป็นอาชีพที่ดูไม่น่าสนใจ แต่ถ้าในกลุ่มในของคนเลี้ยงสุนัขแล้ว อาชีพนี้แทบจะเป็นสิ่งที่กลุ่มคนรักสุนัขตามหากันเลยทีเดียว และยิ่งมีการอาบน้ำ-ตัดขนสุนัข แบบบริการถึงบ้าน การทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงแสนรักได้จึงเป็นเรื่องที่สบายใจสำหรับเจ้าของเองด้วย

หากเปรียบกับมนุษย์ที่ต้องตัดผม อาบน้ำ และชำระล้างร่างกายแล้ว สุนัขที่คลุกฝุ่นคลุกดินและถูกดูแลอย่างทะนุถนอมก็เป็นเป้าหมายหลักของ คุณจิระพงศ์ โชติชื่น ชายที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายอาชีพ ก่อนจะใช้วิชาชีพนี้ทำรายได้ราว 30,000 บาทต่อเดือน ปลดหนี้หลายแสนบาทได้ในเวลา 3 ปี

“ผมประกอบธุรกิจนี้เข้าเป็นปีที่ 3 แล้ว และกว่าจะหันมาทำธุรกิจรับอาบน้ำ-ตัดขนสัตว์ได้อย่างเต็มตัวนั้น ผมเคยผ่านมาหลายอาชีพไม่ว่าจะเป็นพนักงานเซลล์ขายถังน้ำเปล่า, เร่ขายของตามท้องตลาด, เปิดร้านขายของชำ ต่อมาตัดสินใจไปกู้เงินเปิดร้านอาบน้ำ-ตัดขนสุนัข เนื่องจากผมเคยไปเรียนที่กราฟฟิค กรูมมิ่ง ที่รามอินทรา 65 มาก่อน ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนตัดขนสุนัข แต่หลังจากที่เปิดร้านไปสักระยะกลับพบว่า มีคู่แข่งเยอะ แข่งทั้งเรื่องราคา แข่งทั้งเรื่องทำเล กระทั่งต้องปิดกิจการลง จนเป็นหนี้หลายแสนบาท” จิระพงศ์ โชติชื่น เจ้าของธุรกิจอาบน้ำ-ตัดขนสุนัข เผยถึงที่มาที่ไปในการประกอบอาชีพนี้

“ซึ่งหนี้ก้อนนี้หลายคนอาจคิดว่าไม่เยอะเท่าไร แต่สำหรับผมมันมากพอตัว เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่ต้องหาเช้ากินค่ำประทังชีวิตไปวันๆ แต่พอหลังจากที่ประสบปัญหาทางด้านธุรกิจแล้ว ผมกลับไม่ย่อท้อ เพราะคิดว่า เรายังมีความสามารถเลี้ยงชีพได้ ก็เลยไปเป็นลูกจ้างตัดขนสัตว์ตามคลินิกสัตว์เลี้ยง และร้านอาบน้ำ-ตัดขนในเซ็นทรัล ลาดพร้าว ขณะที่เป็นลูกจ้างผมก็ได้ลองสร้างเพจเฟซบุ๊คดูเล่นๆ เพื่อโปรโมทถึงการอาชีพของตนเอง ซึ่งในช่วงแรกๆ ก็มีลูกค้าติดต่อเข้ามาบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ผมมักถามลูกค้าว่า หาเบอร์ติดต่อมาจากไหน ลูกค้าก็บอกว่า เสิร์ชตามกูเกิลเจอ ซึ่งผมก็ดีใจนะที่เขาสามารถค้นหาผมเจอ”

จากโอกาสเล็กๆ ที่เข้ามาเป็นเหตุให้คุณจิระพงศ์ โชติชื่น มองเห็นโอกาสและช่องทางสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ก่อนจะผัน ถูกผลักดันมาเป็นนักธุรกิจรับอาบน้ำ-ตัดขนสุนัขเต็มตัว ซึ่งในช่วงแรกลูกค้ายังน้อยมากเพียงคนเดียวต่อเดือน แต่ชายผู้นี้มองว่า แม้ลูกค้าจะน้อยแต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

ถึงแม้มีลูกค้าน้อยแต่เราก็ภูมิใจกับงานที่ทำ เพราะการทำอาชีพนี้มีความรู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความสามารถในหลายๆ ด้าน เช่น

  1. ต้องเข้าใจธรรมชาติของสัตว์เลี้ยง
  2. รักในงานบริการที่ทำ
  3. ตรงต่อเวลา
  4. ลูกค้าพึง ใจกับงานที่เราทำ
  5. ถ้าลูกค้าโวยวายไม่พอใจเราต้องรีบแก้ไขทันที

จากฐานลูกค้าที่เริ่มต้นเพียงคนเดียวต่อเดือน แต่ด้วยหลัก 5 อย่างในการทำงานนี้ก็ทำให้ฐานลูกค้าเริ่มเติบโตมากขึ้น กระทั่งปัจจุบันมีคิวงานแน่นตลอดทั้งเดือน ด้วยช่องทางเฟซบุ๊คเพียงทางเดียวสามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง ประกอบกับการบริการแบบถึงบ้าน ทำให้ปัจจุบันมีลูกค้าติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ ถึงขั้นบางรายต้องปฏิเสธไป เพราะคิวงานแน่นมาก แต่ก็อาจใช้ทางเลือกเป็นการบอกนัดวันอื่นๆ แทน

อย่างที่กล่าวมา ผมมีช่องทางการตลาดเพียงทางเดียวนั่นก็คือเฟซบุ๊ค ซึ่งตอนนี้มียอดกดไลค์เกือบ 700 คนเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ลูกค้าโทรเข้ามาเรียกเราไปอาบน้ำ-ตัดขนสัตว์เลี้ยงเยอะๆ ก็น่าจะมาจากการบริการถึงบ้าน ที่เป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากอาชีพอย่างเราทำให้ลูกค้าสามารถลดระยะเวลาการเดินทางได้ แถมไม่ต้องเหนื่อยพาสัตว์เลี้ยงไปตามร้านต่างๆ ด้วย อีกทั้งบางร้านถึงขั้นต้องเอาสัตว์เลี้ยงขังในกรง เป็นเหตุให้สัตว์เกิดความกลัว เครียด แต่ถ้าเป็นภายในบริเวณบ้านของตนเองเขาก็จะไม่กดดันหรือเครียดแม้แต่น้อย

“ส่วนการลงทุนเริ่มแรกผมใช้เงิน 60,000 บาท เพื่อซื้ออุปกรณ์ตัดขนสุนัข ที่เป่าขน แชมพูอาบน้ำ แต่ด้วยผมมีรถกระบะส่วนตัวจึงง่ายต่อการเดินทาง ซึ่งการทำงานในตรงนี้ไม่ได้สวยหรู ต้องแลกมาด้วยความไว้วางใจของลูกค้า และการบริการที่เรามอบให้ต้องดี เปรียบเสมือนการซื้อใจนั่นเอง และขณะเดียวกันอาชีพนี้ก็ทำให้ผมมีรายได้ตกวันละ 1,000-3,000 บาท เฉลี่ยต่อเดือนก็ประมาณ 30,000 บาทได้ อีกทั้งจากคนหาชาวกินค้ำที่แทบจะไม่มีช่องทางการใช้หนี้ได้ กลับสามารถทยอยจ่ายหนี้สินได้หมดแล้วภายในระยะเวลา 3 ปี”

อย่างไรก็ตาม อาชีพอาบน้ำ-ตัดขนสุนัขไม่ได้เป็นธุรกิจที่ใหญ่โต แต่มากด้วยความรักที่มอบให้กับงานที่ทำ โดยคุณจิระพงศ์ โชติชื่น ได้เล่าต่อว่า “อาชีพอย่างผมการบริการต้องมาเป็นหนึ่ง ทั้งบริการที่ดีต่อลูกค้า บริการที่ดีต่อสัตว์เลี้ยง แต่ยากที่สุดคือ การทำอย่างไรให้สัตว์เลี้ยงเชื่อฟังเรา เพราะธรรมชาติของสัตว์เขาจะเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งอารมณ์ ความโหดร้ายแต่ละสายพันธุ์ต่างกัน แต่เราก็ควรอ่อนโยนกับเขา พูดคุยกับเขา เพื่อไม่ให้เขาตื่นกลัว ซึ่งบางตัวถึงขั้นไม่ให้เราจับเลย ขนาดเจ้าของยังไม่ค่อยจับกล้า ผมต้องเป็นคนวิ่งจับเขา บางครั้งผมก็เคยโดนกัดบ้างแต่ก็ไม่โกรธอะไร เพราะเราต้องเข้าใจสัตว์เลียงเหล่านั้น ฉะนั้นตั้งแต่ทำธุรกิจมาถือว่ามีผลการตอบรับที่ดีมาก หลายคนอาจสงสัยว่าเราใช้ช่องทางไหนที่เรียกลูกค้าได้มากขนาดนี้ ผมสามารถตอบได้เลยว่า ถ้าเราบริการดีถึงเราจะมีเพียงช่องทางเดียว ก็สามารถทำให้ลูกค้าบอกปากต่อปากได้”

ขณะเดียวกัน การรักษาลูกค้าเก่า/ใหม่นั้น เจ้าตัวกล่าวต่อว่า “การรักษาฐานลูกค้าผมไม่เจาะจงว่าลูกค้าเก่าเราต้องเอาใจใส่มากกว่าลูกค้าใหม่ แต่ควรใส่ใจให้เท่าๆ กัน ส่วนปัญหาและอุปสรรคของการทำอาชีพนี้ ด้วยการที่ผมบริการถึงบ้าน อย่างแรกที่พบปัญหาทุกวันคือ รถติด ฝนตก หรือลูกค้าไม่พอใจกับงานที่เราทำเขาก็จะโทรมาบ่น ซึ่งเราก็จะกลับไปแก้ไขงานให้ฟรี สำหรับใครที่อยากทำธุรกิจนี้ สามารถติดต่อเข้ามาทดลองทำงานได้ และแนวคิดหลักของการทำงานมีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อคือ 1.งานตัดขนสุนัขเป็นงานแฮนเมด ต้องมีความชำนาญมากพอสมควร 2.ต้องขับรถได้ รู้เส้นทางเป็นอย่างดี 3.ต้องมีความรู้เรื่องสัตว์เลี้ยง และ 4.นอกจากเป็นช่างมืออาชีพอาบน้ำ-ตัดขนแล้ว ต้องมีความรู้เรื่องช่างไฟ ช่างประปาด้วย”

สำหรับธุรกิจนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ดี จากจุดเริ่มต้นทางวิชาชีพได้ผลักดันจากความชอบและเกิดเป็นการบริการถึงบ้าน ก่อให้เกิดการสร้างรายได้เพิ่มเติมได้อีกด้วย

Cr.https://www.bangkokbanksme.com/

ลงทุน 60,000 ตัดขนสุนัขรายได้เดือนละ 3 หมื่น แถมใช้หนี้เงินแสน